ปีกมดลูกอักเสบ

ปีกมดลูกอักเสบ การติดเชื้อที่อาจลุกลามและรุนแรง

ปัญหาปีกมดลูกอักเสบจะเกิดขึ้นที่บริเวณท่อรังไข่ โดยจะพบได้มากในผู้หญิงช่วงวัย 15-45 ปี ซึ่งจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่เข้าไปกระจายอยู่ในปากมดลูก ทั้งยังอาจจะพบอาการติดเชื้อร่วมกันในหลายจุด หรืออาจจะกลายสู่การเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ ทั้งยังสามารถลุกลามสู่การติดเชื้อในกระแสเลือด ที่จะสร้างอาการเจ็บปวดรุนแรงและลุกลามไปสู่การเสียชีวิตได้เลยทีเดียว

สาเหตุของการเกิดมดลูกอักเสบ

การเกิดปัญหาเรื่องมดลูกอักเสบ จะสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย แต่สาเหตุสำคัญคือการติดเชื้อจนกลายเป็น ปัญหาอุ้มเชิงกรานอักเสบ ถ้ารักษาไม่ดีอาจจะกระจายเชื้อไปสู่ส่วนอื่น ๆ และเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้มากเลยทีเดียว ดังนั้นสาเหตุของการเกิดปีกมดลูกอักเสบที่คุณควรรู้ คือ

  • การเกิดจากปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น การติดเชื้อหนองในหรือการติดเชื้อหนองในเทียม
  • หญิงตั้งครรภ์อาจพบได้หลังการคลอดบุตร
  • ผู้หญิงที่เคยทำแท้งบุตร มีการขูดมดลูก หรือการใส่ห่วงคุมกำเนิดมาก่อน จะเสี่ยงต่อการเป็นปีกมดลูกอักเสบได้ง่าย
  • ผู้ที่นิยมทำการสวนล้างช่องคลอด จะทำให้ติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
  • การติดเชื้อแบคทีเรียหลังคลอด เช่น เชื้อสแตปฟิโลคอคคัสและเชื้อสเตรปโตคอคคัส เป็นต้น
  • การติดเชื้อจากบริเวณภายนอกช่องคลอด ที่เล็ดรอดเข้าสู่ปากมดลูก โดยจะปรากฏอาการอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง
  • การทำแท้งบุตรแล้วเกิดความไม่สะอาด หรือใช้เครื่องมือสกปรกติดเชื้อ จะยิ่งทำให้เชื้อแพร่กระจายอย่างรุนแรง
  • การเกิดโรคไส้ติ่งอักเสบ
  • ถ้าคู่นอนของคุณมีปัญหาอวัยวะเพศเป็นแผลและเกิดอักเสบติดเชื้อ จะทำให้เกิดปัญหาปีกมดลูกอักเสบได้ง่ายเช่นกัน
  • การติดเชื้อ HIV หรือการมีระบบภูมิคุ้มกันลดต่ำลง
  • เกิดภาวะแทรกซ้อนของการเป็นโรคปีกมดลูกอักเสบ จนอาจทำให้กลายเป็นการติดเชื้อในกระแสเลือด
  • การตั้งครรภ์นอกมดลูก

อาการของมดลูกอักเสบ

อาการของการเป็นปีกมดลูกอักเสบจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ปีกมดลูกอักเสบแบบเฉียบพลันที่จะเกิดขึ้นทันทีและรุนแรง กับปีกมดลูกอักเสบแบบเรื้อรังที่จะแสดงอาการเพียงเล็กน้อย แต่จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่หายขาด และอาจจะลุกลามรุนแรงได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีอาการที่จะบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นปีกมดลูกอักเสบเพิ่มเติม คือ

  • อาการปวดที่บริเวณท้องน้อย แต่จะปวดเพียงแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง หรืออาจจะปวดได้ทั้งสองข้าง โดยจะเป็นในช่วงการมีเพศสัมพันธ์ ช่วงเวลาไข่ตกหรือช่วงที่มีประจำเดือน
  • มีอาการปวดเสียดที่บริเวณหลังช่วงด้านล่าง
  • มีอาการเลือดออกบริเวณช่องคลอดเล็กน้อย แต่บ่อยครั้ง
  • ทั้งยังมีประจำเดือนที่มาแบบผิดปกติ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนบ่อยครั้ง
  • มีตกขาวออกเป็นสีเหลืองและมีกลิ่นเหม็น หรือมีทั้งสีและกลิ่นที่ผิดปกติไปมากกว่านี้
  • การปัสสาวะบ่อยครั้ง
  • ถ้าเชื้อลุกลามมากขึ้นหรือมีความรุนแรง อาจจะมีก้อนหนองที่บริเวณรังไข่ จนอาจทำให้ไข้ขึ้นและมีอาการเจ็บปวดมากกว่าผิดปกติ

การเกิดภาวะปีกมดลูกอักเสบ อาจจะเกิดได้ในช่วงหลังของการมีประจำเดือน เนื่องมาจากการติดเชื้อ ดังนั้นจึงอาจจะไม่พบอาการผิดปกติใด ๆ หรืออาจจะมาเป็นเพียงแค่ช่วงสั้น ๆ ดังนั้นการรักษาจึงจำเป็นที่จะต้องพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อการตรวจสอบดูว่าปีกมดลูกของคุณนั้น เกิดปัญหาติดเชื้อหรือไม่? เพราะถ้ารู้ไม่ชัดอาจทำให้ติดเชื้อเรื่อย ๆ และกลายเป็นภาวะของการแทรกซ้อนที่ยาวนานมากขึ้น ซึ่งอาจจะกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่คุกคามร่างกายไปอีกยาวนาน

การวินิจฉัยโรคปีกมดลูกอักเสบ จากทางการแพทย์

สำหรับการดูแลและรักษาปัญหาปีกมดลูกอักเสบ จะต้องมีการตรวจจากแพทย์เฉพาะทางโดยตรง ซึ่งจะเริ่มต้นจากการซักประวัติและการตรวจร่างกาย ด้วยการกดที่บริเวณปีกมดลูกทั้ง 2 ข้าง และมดลูกทั้งหมด เพื่อดูว่าอาการปวดจะเข้ากับโรคหรือไม่? เนื่องมาจากจะมีโรคบางชนิดที่มีอาการเจ็บปวดคล้ายกับปีกมดลูกอักเสบ เช่น การติดเชื้อที่เยื่อบุโพรงมดลูก, การตั้งครรภ์นอกมดลูก, อาการไส้ติ่งอักเสบ และอาการเป็นซีสต์ที่รังไข่ ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจเพื่อยืนยันผลได้ชัดเจนมากขึ้น คือ

  • การตรวจเลือดที่แพทย์จะทำการตรวจสอบดูเม็ดเลือดขาวมีปริมาณเท่าไหร่ และตรวจหาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อผ่านเลือดได้
  • ตรวจสอบปัสสาวะ คือ ดูเชื้อที่จะมากับน้ำปัสสาวะ
  • การอัลตราซาวด์ช่วงบริเวณช่องท้อง จะเป็นการวินิจฉัยที่ลึกมากขึ้น โดยจะดูที่บริเวณของปีกมดลูกและอุ้งเชิงกรานมีความผิดปกติ จะแสดงภาพเป็นก้อนฝี หนอง หรืออาการบวมที่บริเวณมดลูกกับท่อนำไข่อย่างชัดเจน
  • การตรวจภายในจะเป็นการดูเรื่องของตกขาวกับอาการบวมของปีกมดลูก จะมีการเก็บเยื่อบุมดลูกเล็กน้อย เพื่อการนำไปตรวจเพาะเชื้อและตรวจดูเชื้ออื่น ๆ เพื่อนำมาสู่การหาสาเหตุหลัก
  • การตรวจจากรังสี คือ การฉีดสีไปที่บริเวณของโพรงมดลูกกับท่อนำไข่ จากนั้นจะใช้ภาพรังสีเพื่อตรวจการอุดตันของท่อรังไข่อีกครั้ง
  • ใช้วิธีการผ่าตัดเล็กด้วยกล้องเข้าไปตรวจสอบปีกมดลูก จากการสอดกล้องบริเวณหน้าท้องของผู้ป่วย โดยจะมีเพียงแค่แผลขนาดเล็กเท่านั้น แต่จะได้รับการตรวจที่ค่อนข้างละเอียด

การติดเชื้อจนกลายเป็นปีกมดลูกอักเสบไม่ใช่เรื่องเล็ก ดังนั้นถ้าเมื่อใดที่มีอาการใกล้เคียงและเริ่มเกิดปัญหาเจ็บปวดไม่ควรอาย แต่ต้องรีบปรึกษาแพทย์และทำการรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เชื้อกระจายไปสู่ส่วนอื่น ๆ ที่อาจจะนำพาโรคร้ายตามมาได้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือดที่จะทำให้เสียชีวิตง่ายเลยทีเดียว