ฝีถือเป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อและกลายเป็นการอักเสบ โดยมักจะเกิดอยู่ใต้ผิวหนังแล้วดันขึ้นมาจนคล้ายกับสิว แต่จะมีลักษณะของอาการบวมที่ใหญ่กว่า ทั้งยังมีโอกาสจะเกิดเป็นน้ำเหลืองหรือน้ำหนองที่อยู่ภายในได้อีกด้วย ซึ่งหนึ่งในฝีที่สร้างปัญหากวนใจให้กับใครหลาย ๆ คน คือ ฝีไม่มีหัว เพราะจะเป็นฝีที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง พร้อมการสร้างอาการเจ็บปวดและอาจจะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้อีกด้วย
สาเหตุของการเกิดฝีไม่มีหัว
ฝีจะเป็นการเกิดตุ่มหนองและการติดเชื้อจนอักเสบ พร้อมการสะสมอยู่ใต้ผิวหนังแล้วดันให้ผิวปูดขึ้นมาคล้ายกับการเป็นสิว แต่จะมีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก โดยจะมีทั้งแบบหัวหนองและแบบฝีไม่มีหัวที่จะสร้างปัญหากวนใจผู้ที่มีปัญหาผิวหนังได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะฝีไม่มีหัวที่จะอยู่ลงลึกเข้าไปใต้ผิวหนังจนถูกเรียกว่าฝีหัวคว่ำ จะมาพร้อมกับอาการต่าง ๆ ของร่างกายที่ไม่ว่าจะเป็นไข้ขึ้นสูง เบื่ออาหาร หรืออาการซูบผอม ซึ่งฝีไม่มีหัวนั้นถือว่าน่ากลัวมาก เพราะอาจเกิดได้จากภายในและภายนอก ถ้าเกิดฝีที่ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายจะยุบได้เองภายในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์เท่านั้น แต่ถ้าเป็นนานเกินกว่านี้ควรรีบพบแพทย์ เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะลุกลามจนกลายเป็นปัญหาใหญ่และจะทำให้การรักษายากลำบากมากขึ้น โดยสาเหตุส่วนใหญ่ที่มักจะทำให้เกิดฝี คือ
- การติดเชื้อแบคทีเรียประเภท Staphylococcus Aureus และการติดเชื้อ Streptococcus ที่สามารถผ่านเข้าผิวหนังทางรูขุมขนได้ง่าย
- การเกิดบาดแผลบนผิวหนังและมีการติดเชื้อแบคทีเรีย
- การเกิดภาวะอักเสบบนรูขุมขนและกลายเป็นตุ่มฝีจากการติดเชื้อที่รวดเร็ว
- ปัญหารูขุมขนที่ขนไม่สามารถทะลุผ่านออกมาได้ จึงทำให้เติบโตใต้ผิวหนังและกลายเป็นการติดเชื้อ
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและการได้รับยาสเตียรอยด์เป็นประจำ จะทำให้เกิดฝีได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
- การติดเชื้อราและเชื้ออะมีบาที่ทำให้พัฒนาสู่การเป็นฝีแบบรุนแรง
- การถูกสิ่งแปลกปลอมกระทบภายนอก เช่น การกระทบกับเศษวัสดุ การถูกเข็มทิ่มแทง หรือการถูกกระสุน ที่อาจจะพัฒนาสู่การเป็นฝีได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
- สามารถติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงของผู้ที่เป็นฝี
- ปัญหาการขาดสารอาหารบางประเภท
- ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจะเสี่ยงต่อการเป็นฝีได้ง่าย
- ผู้ที่มีความผิดปกติด้านภูมิคุ้มกัน จะทำให้ภูมิต่ำลงจะติดเชื้อง่ายและกลายเป็นฝีได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
อาการของฝีไม่มีหัว
ฝีถือเป็นหนึ่งในโรคผิวหนังแบบกลุ่มหนอง ซึ่งจะเป็นซากเม็ดเลือดขาวแบบนิวโทรฟิลที่เมื่อเสื่อมสลายแล้วกลับสะสมอยู่ภายใต้โพรงของเนื้อเยื่อ พร้อมการมีปัจจัยเสี่ยงในด้านการติดเชื้อร่วมด้วย จึงกลายเป็นการตอบสนองของฝีกับเนื้อเยื่อภายในร่างกายและเมื่อมีเชื้อโรคเพิ่ม จะกลายเป็นการแพร่กระจายไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งถ้ามีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้ามาภายในร่างกายและมีการติดเชื้อมาอยู่แล้ว จะยิ่งทำให้ฝีกระจายไปตามเซลล์ต่าง ๆ พร้อมการหลั่งสารพิษแล้วกลายเป็นการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบหนัก ซึ่งปัญหาฝีและเชื้อโรคที่มากับฝีจะไหลเวียนไปตามเลือดภายในร่างกายได้เลยทีเดียว ดังนั้นฝีไม่มีหัวจึงถือว่ามีความอันตรายมากพอสมควร ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ส่วนลักษณะของอาการที่จะเกิดฝี คือ
- ก่อนการเกิดฝีมักจะเกิดปัญหาแสบที่ผิวบริเวณจะเกิดฝีและอาจจะเกิดเป็นก้อนนูนคล้ายสิว แต่จะบวมและแดงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีอาการปวดแสบ ปวดร้อนร่วมด้วย
- เมื่อกดลงผิวแล้วจะรู้สึกเจ็บอย่างเห็นได้ชัด พร้อมการบวมขึ้นมาเป็นจุดแดงหรือจุดดำที่คล้ายกับรูขุมขนตรงบริเวณฝี
- ขนาดของตุ่มที่นูนขึ้นมาจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และให้อาการเจ็บที่มากขึ้น
- เมื่อฝีไม่มีหัวเริ่มขึ้นได้ประมาณ 1 สัปดาห์ขึ้นไป อาการเจ็บปวดจะเริ่มลดลง แต่ตุ่มจะไม่ยุบและยังคงเป็นก้อนนูน บวมแดงอยู่
- ถ้าเป็นจุดที่บริเวณข้อต่าง ๆ ของร่างกายหรือเป็นจุดต่อมน้ำเหลือง อาจจะเกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าจุดอื่น ๆ
- เมื่อเกิดฝีที่บริเวณใดก็ตาม มักจะเป็นซ้ำอีกหลายครั้งเลยทีเดียว
- จุดเกิดฝีอาจเกิดขึ้นซ้อนกันในบริเวณเดียวกัน
- มีอาการไข้และอ่อนเพลีย รวมไปถึงอาการปวดร่วมด้วย
- ถ้าพบว่ามีอาการซูบผอมลง เบื่ออาหาร หรือมีอาการไอผิดปกติ เจ็บปวดที่บริเวณหน้าอกและท้อง จะเป็นการเกิดฝีไม่มีหัวอยู่ภายใน ดังนั้นจึงควรรีบพบแพทย์ทันที
การรักษาและดูแลฝีไม่มีหัว
การดูแลและรักษาฝีควรใช้เป็นวิธีการลดความปวดด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นแล้วประคบประมาณ 3 ครั้งต่อวัน ประคบครั้งละ 10-15 นาที เพื่อทำให้ฝีไม่มีหัวกลับมามีหัวและแตกเร็วขึ้น พร้อมการรับประทานยาแก้ปวด ลดไข้ เพื่อลดอาการไข้ขึ้น นอกจากนี้ควรพบแพทย์เพื่อรับยาที่เหมาะสมต่อการรักษา เช่น Dicloxacillin, Erythromycin, ที่ Co-amoxiclav และ Ciprofloxacin จะเป็นตัวช่วยลดเชื้อและลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ควรรับประทานยาปฏิชีวนะ เพื่อลดการอักเสบให้ครบจนกว่าจะแตกหรือยุบ ไม่ควรบีบหรือเจาะฝีแบบไม่มีหัวเองเด็ดขาด เพราะอาจจะยิ่งทำให้ลุกลามมากขึ้นและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พร้อมรักษาความสะอาดของผิวให้ดี
การเป็นฝีไม่มีหัวอาจพาให้คุณจะต้องพบกับปัญหาสุขภาพในด้านอื่น ๆ ดังนั้นถ้าเริ่มมีความรู้สึกผิดปกติบนผิว หรือแม้แต่อาการภายในของร่างกาย ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที พร้อมดูแลรักษาแผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการติดเชื้อและการลุกลามไปสู่บริเวณอื่น พร้อมการดูแลตัวเองทั้งเรื่องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อลดการอักเสบและติดเชื้อที่มากขึ้น